ถ้าทุกประเทศตั้งกำแพงภาษี หุ้นจะเป็นยังไงต่อไป?

หุ้น กับ กำแพงภาษี เหมือนจะไม่ใช่เรื่องของจีนกับสหรัฐฯอย่างเดียวอีกต่อไปแล้วครับ เพราะนอกจาก 2 ประเทศนี้ หลายประเทศทั่วโลกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวมถึงประเทศไทยด้วยล้วนโดนผลกระทบกันทั้งหมด
โดยมีประเทศชั้นนำที่เริ่มตั้งกำแพงภาษีขึ้นมาเองเหมือนกับสหรัฐฯแล้วเช่นกัน เธอตั้งขึ้นมามั่วๆฉันก็สามารถตั้งได้เหมือนกัน ทำให้ทั่วทั้งโลกกำลังตั้งกำแพงภาษีได้ด้วยตัวเอง จากโลกที่เปิดกว้าง กลายเป็นมีกำแพงต่อกัน แล้วหุ้นที่ขึ้นมาโดยตลอดจากการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะกลายเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเฉพาะประเทศตัวเองไหม? แล้วจะเป็นยังไงต่อไป?
เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
“Global Protectionism” – โลกเข้าสู่ภาวะกีดกันทางการค้าพร้อมกัน
เช่น:
- เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสูง
- จำกัดโควต้านำเข้า
- ตั้งกฎกีดกันบริษัทต่างชาติ
- สนับสนุนสินค้าภายในประเทศเท่านั้น
ทำให้หุ้นเกิดใหม่อาจจะไม่ได้น่าสนใจอีกต่อไป หรือหุ้นยักษ์ใหญ่ที่เคยทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำอาจจะไม่เติบโตอย่างที่เคยเป็น หรือแม้กระทั่งหุ้นที่เคยอยู่รอดอาจจะไม่รอดต่อไปในอนาคต
ผลกระทบต่อหุ้น (โดยรวม)
- ตลาดหุ้นทั่วโลกจะ “ตกลงในระยะสั้นถึงกลาง”
- นักลงทุนจะ “เทขาย” หุ้นที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ เช่น กลุ่มส่งออก โลจิสติกส์ พลังงาน ฯลฯ
- ความไม่แน่นอนพุ่งสูง → Volatility เพิ่ม
- หุ้น “บริษัทโลกาภิวัตน์” จะเสียหายหนัก
- เช่น Apple, Samsung, Toyota, Tesla, Amazon
- บริษัทเหล่านี้พึ่ง supply chain ข้ามประเทศ ถ้าขนส่งยาก ต้นทุนพุ่ง กำไรลดทันที
จากที่เคยได้ราคาต้นทุนที่ถูกลงจากจีน หากสหรัฐฯไม่เอาสินค้าพวกนี้จากจีน และไม่มีประเทศไหนในโลกทำต้นทุนได้ถูกเท่ากับจีน ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น = ขายราคาเดิมไม่ได้ > คนไม่ซื้อ และทำให้เศรษฐกิจไม่เดิน รวมถึงบริษัทบางแห่งอาจล้มละลายได้เลยครับ
- ต้นทุนสูงขึ้น = กำไรลดลง = ราคาหุ้นลด
- การตั้งกำแพงภาษีทำให้ต้นทุน “นำเข้า” สูงขึ้น
- บริษัทอาจต้อง “ขึ้นราคาสินค้า” → ลูกค้าลดลง
หุ้นกลุ่มไหน “จะรอดหรือได้ประโยชน์”?
กลุ่มที่ “เน้นภายในประเทศ” หรือ “ผลิตเอง-ขายเอง”
- เช่น สาธารณูปโภค, พลังงานในประเทศ, ค้าปลีกท้องถิ่น
- บริษัทที่ผลิตเองครบวงจรในประเทศตัวเอง อาจได้ประโยชน์จากการที่คู่แข่งต่างชาติเข้ามายาก
หุ้นในประเทศที่ “มีตลาดใหญ่ในตัวเอง” เช่น จีน อินเดีย สหรัฐ
- เพราะพึ่งพาการบริโภคในประเทศสูง
- มีตลาดภายในพอเลี้ยงตัวได้ระดับหนึ่ง
อย่างคนจีนที่มีชาตินิยม เชื่อว่าคนจีนเป็นอันดับ 1 ของจีนดี ยังไงก็ไม่มีทางเอาเงินกว่า 90% ไปซื้อของต่างชาติอยู่แล้วครับ เงินก็จะหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ทำให้ประเทศเติบโตมากขึ้น
แต่หากหันกลับมาดูคนไทย ของไทยคนไทยแทบจะมองว่าไม่มีค่าเลย มีแค่บางแบรนด์เท่านั้นที่คนไทยซื้อ อีก 90% ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง อาจทำให้ประเทศไทยเรากลายเป็นประเทศที่ตามประเทศอื่นไม่ทันได้เลยครับ
มุมมองต่อหุ้นระยะยาว
ถ้าสถานการณ์นี้ “เกิดขึ้นแบบถาวร” โลกจะเริ่ม:
- กลับสู่ “เศรษฐกิจท้องถิ่น” → หุ้นที่ปรับตัวทันจะรอด
- มีการจัดโครงสร้างใหม่ของ supply chain
- นำไปสู่การ “สร้างโรงงานในประเทศ” เพิ่ม (reshoring)
แต่ทั้งหมดนี้ใช้เวลา 3–10 ปี กว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ได้
ใครที่ยังติดอยู่กับหุ้นแบบเดิมๆ มีมุมมองแบบเดิมอาจจะต้องปรับตัวใหม่ได้แล้วครับ เพราะหากใช้หลักการเดิมกับโลกที่เปลี่ยนไปยังไงก็ไปไม่รอดแน่นอน แต่สำหรับใครที่ลงทุนอย่างอื่นนอกจากหุ้น อาจจะรอดได้ครับ เช่น Forex หวยไว หรือ ธุรกิจบริการ